8/2/60

หลวงพ่อกลั่นย่นระยะทาง



เรื่องราวอิทธิปาฎิหาริย์เกี่ยวกับการย่นระยะทางของหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ที่เล่าขานสืบกันมาว่า
ครั้งหนึ่งในงามนอุปสมบท ซึ่งเจ้าภาพได้นิมนต์พระญาณไตรโลก (ฉาย คงฺคสุวณฺโณ) เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิง และเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปเป็นพระอุปัชฌาย์ และนิมนต์หลวงพ่อกลั่น ไปเป็นพระกรรมวาจาจารย์ วัดที่อุปสมบทอยู่ตรงสถานีรถไฟบ้านม้า ซึ่งก็ห่างจากสถานีรถไฟพระนครศรีอยุธยาไปเพียงสถานีเดียว
ซึ่งในการเดินทางสมัยนั้น มีเพียงทางรถไฟเท่านั้น แต่ขณะที่คณะของพระญาณไตรโลก (ฉาย) รอรถไฟอยู่ก็คอยมองดูหลวงพ่อกลั่นไปด้วย เพราะเชื่อว่าท่านต้องเดินทางโดยรถไฟขบวนเดียวกันนี้ หากพลาดก็ต้องรอขบวนอื่นอีกนานทีเดียว
ทว่าเมื่อรถไฟออกจากสถานีแล้วก็หาปรากฏร่างของหลวงพ่อกลั่นไม่ จนเมื่อรถไฟแล่นออกจากสถานีแล้ว จึงเห็นหลวงพ่อกลั่นเดินดุ่มๆ อยู่แต่ไกล ซึ่งพระญาณไตรโลก (ฉาย) ได้กล่าวขึ้นว่า
"เออ...อาจารย์กลั่น มั่วงกๆ เงิ่นๆ อยู่นั่นแหละ วันนี้ไม่ต้องฉันเพลกันล่ะ"
แต่เมื่อพระญาณไตรโลก (ฉาย) เดินทางมาถึงสถานีบ้านม้ามีเจ้าภาพมาคอยรับอยู่แล้ว เพื่อนำพาไปยังวัดที่จัดงานบวช ครั้นก้าวขึ้นบันไดก็เห็นหลวงพ่อกลั่นนั่งเอกเขนกเหงื่อชุ่มกายมีลูกศิษย์ลูกหาคอยพัดวี จีวรของหลวงพ่อกลั่นก็ถอดแขวนอยู่ที่ราว สอบถามได้ความว่า หลวงพ่อกลั่นเดินทางจากวัดพระญาติการาม มาถึงได้สักครู่หนึ่งแล้ว
พระญาณไตรโลก (ฉาย) เห็นอัศจรรย์ใจนัก ก็เมื่อออกจากสถานีรถไฟเห็นหลวงพ่อกลั่นเดินอยู่กลางทุ่งอยู่เลย เห็นจะเป็นอื่นมิได้หลวงพ่อกลั่นต้องย่นย่อระยะทางมาเป็นแน่ จึงได้อาราธนาให้หลวงพ่อกลั่นนั่งเป็นพระอุปัชฌาย์แทน ส่วนท่านนั่งเป็นพระกรรมวาจาจารย์
อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องราวเล่าขานเกี่ยวกับหลวงพ่อกลั่น กับ "ปาฏิหาริย์" ดังเรื่องที่คณะปาหี่เร่ขายน้ำมันรักษาแผลน้ำร้อน น้ำมันลวก ที่เชิญชวนให้ผู้คนสนใจด้วยการแสดงการต่อสู้ด้วยดาบ พลอง และทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกายด้วยการวางแผ่นศิลาบนร่างคน แล้วทุบด้วยค้อนปอนด์จนแผ่นศิลาแตก โดยคนมิได้รับบาดเจ็บเลย แล้วจบด้วยการแสดงรูดโซ่ที่เผาไฟจนแดง
ได้ผ่านมายังบริเวณวัดพระญาติการาม ได้ยินกิตติศัพท์ของสำนักดาบวัดพระญาติการาม ที่หลวงพ่อกลั่นได้ฝึกสอนลูกหลานชาวบ้านบริเวณวัด จึงได้ท้าประลองฝีมือด้วย ทว่าหลวงพ่อกลั่นทราบเป็นอย่างดีว่าคณะปาหี่คณะนี้ยากต่อการต่อกรด้วย จึงได้รับคำท้าประลองด้วยตัวหลวงพ่อกลั่นเอง
ถึงวันประลอง ครูมวยคณะปาหี่ ไม่อาจทำอะไรต่อหลวงพ่อกลั่นได้เลย ทั้งที่ใช้ไม่พลองในการต่อสู้ และหลวงพ่อกลั่นยืนนิ่งเฉยมีเพียงหวายในมือ ครั้งหลวงพ่อโต้กลับตามร่างกายของครูมวยล้วนเต็มไปด้วยรอยหวาย จนต้องยอมแพ้กราบขอขมาหลวงพ่อกลั่นไปในที่สุด
อย่างไรก็ตาม หลวงพ่อกลั่นยังได้ชื่อว่า มีเมตตามหานิยมเป็นอย่างยิ่ง ว่ากันว่า ยามที่ท่านออกบิณฑบาตในตอนเช้าแต่เพียงลำพัง เพราะหลวงพ่อกลั่นมักเดินบิณฑบาตไปอย่างช้าๆ ไม่รีบเร่ง จึงไม่มีพระภิกษุสามเณรใดติดตามด้วย กว่าจะถึงวัดจึงสายตะวันโด่งทีเดียว
ตอนที่ท่านเดินมาถึงกุฏิ ยามนี้แหละที่เป็นช่วงชุลมุนเป็นอย่างยิ่ง เพราะบรรดาหมา แมว ต่างแห่มารับหลวงพ่อกลั่น มิเพียงเท่านั้นยังมีฝูงกาอีกฝูงหนึ่งที่โผมาหาหลวงพ่อกลั่น บางตัวเกาะบนบ่าหลวงพ่อเลยทีเดียว
เหล่าสัตว์พวกนี้ที่กรูหาหลวงพ่อกลั่น ด้วยเพราะทุกเช้าหลังกลับจากบิณฑบาตหลวงพ่อกลั่นจะต้องให้อาหารพวกมันก่อนทุกครั้ง จนเมื่ออิ่มหนำสำราญแล้ว หลวงพ่อกลั่นจึงจะฉันอาหาร
บางครั้งถึงกลับมีลูกศิษย์นึกสนุก หยิบจีวรหลวงพ่อกลั่นขึ้นมาห่ม ทำทีเดินเหินในท่าทางของหลวงพ่อกลั่นกลับมายังกุฏิ แต่หามีอีกาตัวไหนโผบินเข้าหาไม่
เป็นที่สงสัยของเหล่าลูกศิษย์นัก
วัตถุมงคลของหลวงพ่อกลั่น นอกเหนือจากเครื่องรางของขลังแล้ว ยังมีเหรียญปั๊มรูปเหมือนรุ่นแรก ที่สร้างขึ้นในห้วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เมื่อปีพ.ศ. 2469
เป็นที่นับถือกันว่า เด่นทั้งเมตตามหานิยม และมหาอุด

โดย:สรพล โศภิตกุล